อาทิตย์ต่อมาผมได้ชวนเพื่อนไปบ้านดงสะคูอีกครั้ง โดยคราวนี้ดิ่งไปที่ดงกล้วยเลยไปที่บ้านกลางไร่หลังหนึ่งที่เป็นเจ้าของที่และบังเอิญว่าเพื่อนที่ไปด้วยรู้จักกับเจ้าของไร่อีกคือคุณตาบุญเพ็งและคุณยายจอมศรี สมสวัสดิ์
คุณตาบุญเพ็ง สมสวัสดิ์ ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับพระกรุดงสะคูให้ผมฟังตั้งแต่เริ่มหลังจากที่ผมได้เอาพระที่ผมเช่ามาให้ท่านดูว่าใช่หรือไม่ ซึ่งท่านพอเห็นพระที่ผมยื่นให้ดูท่านบอกว่านี่แหละพระกรุสะคูของจริง ไปได้มายังไงเมื่อก่อนตาก็แจกลูกแจกหลานไปหมดที่เหลือก็มีคนมาบูชาไปองค์ละเป็นหมื่นเพราะพระรุ่นนี้ยิงไม่ออกท่านเล่าว่า....
(คุณตาบุญเพ็ง และคุณยายจอมศรี สมสวัสดิ์)
....เมื่อก่อนบริเวณที่เป็นวัดสะคูห์วิทยาปัจจุบันนั้น เป็นดงขนาดใหญ่ ไม่มีวัด ไม่มีใครกล้าเข้าไปเพราะเจ้าที่แรงมากๆ มีต้นยางขนาดใหญ่ 7-8 คนโอบจำนวนมาก หมู่บ้านเป็นหมู่บ้านเล็กๆถนนหนทางเป็นทางเกวียนสัญจรลำบาก ไม่มีไฟฟ้า เมื่อปี พ.ศ.2509 ซึ่งคุณตาจำได้แค่ว่าปีนั้นเป็นปีที่น้ำท่วมจังหวัดหนองคายครั้งใหญ่ ได้มีคณะนายทหารยศนายพัน(ขอสงวนนาม) พร้อมพรามณ์ผู้ทำพิธีได้มาสำรวจหากรุเก่าโดยบอกว่าได้ลายแทงมาจากจังหวัดนครพนม การลักลอบขุดในครั้งนั้นคณะของนายทหารทั้งหมด ประมาณ 20 คนเสียชีวิตในขณะที่ขุดหลายคน ลักษณะนอน หรือนั่งเสียชีวิตโดยไม่มีอาการเจ็บป่วย
การขุดในครั้งนั้นพบไหปากกว้างชนิดมีหูสองข้างขนาดใหญ่ บรรจุพระไว้ข้างใน เช่น
-พระบูชาที่เป็นเนื้อทองคำหน้าตัก 5 นิ้ว และหน้าตัก 3 นิ้วจำนวน 3 องค์ (หล่อตัน)
-พระบูชาเนื้อว่านบุเงิน พิมพ์สมาธิและพิมพ์มารวิชัย ขนาดหน้าตัก 5 นิ้วและ 3 นิ้ว จำนวนมาก
-พระเครื่องพิมพ์ปรกโพธิ์ มารวิชัย (เนื้อเงิน) และพิมพ์สามเหลี่ยม สมาธิ (เนื้อเงิน)
ไหแต่ละใบบรรจุพระเครื่องไว้จำนวนเป็นพันๆองค์ ประมาณว่ารวมทั้งหมดน่าจะเท่าพระธรรมขันธ์ 84,000 องค์ พระทั้งหมดคณะนายทหารได้นำใส่รถบรรทุกของทหารไปโดยไม่ทราบว่าเอาไปไหน มีพระเครื่องทั้งสองพิมพ์จำนวนหนึ่งประมาณ 1,500 องค์ ชาวบ้านนำไปเก็บไว้ และพระเครื่องประมาณ 1,000 องค์ มีคนนำไปถวายหลวงพ่อแหวน.......วัดบรมสมภรณ์ บ้านหนองไชยวาน ตำบลเมืองเพีย อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี และหลวงพ่อได้แจกจ่ายให้กับพระลูกวัด และชาวบ้านที่ไปทำบุญทั้งหมด
เมื่อคณะนายทหารได้พระแล้วชาวบ้านได้ถามทหารที่ติดตามไปด้วยว่าพระก็ได้ไปเยอะแล้วทำไมไม่ให้ชาวบ้านเก็บไว้บูชาบ้าง ทหารนายนั้นบอกว่าเอาไปลองยิงด้วยปืน เอ็ม16 แต่ยิงไม่ออก...นายจึงมาเก็บให้หมด
คุณตาบุญเพ็งบอกว่ามีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งทำแบบเก๊ออกมาเมื่อตอนที่มีคนเข้าไปหากว้านซื้อ แต่ไม่ใช่เนื้อเงินและแบบจะไม่เหมือนองค์จริงเพราะองค์จริงหาไม่ได้คือประมาณเอาตามเท่าที่จำได้
•ลักษณะโดยทั่วไปจะเหมือนกับพระเชียงแสน มีเฉพาะเนื้อชินเงินเท่านั้น
–องค์พระประทับนั่งแบบมารวิชัย ในซุ้มโพธิ์ มีอาสนะฐานบัวรองรับแบบฐานสูง
–ตัดแบบชิดองค์พระ พระกรขวาแยกจากองค์พระเป็นช่อง
–เห็นเม็ดพระศก พระเนตร พระนาสิก พระโอษฐ์ ชัดเจน
–พระอังสาแบ่งเป็นสองเส้นโค้งยาวจรดพระหัตถ์ซ้าย
–จุดที่แตกต่างจากพระพิมพ์เชียงแสนคือ ยอดพระเกศจะเรียวยาวเป็นเส้นเดียวจรดซุ้มโพธิ์ด้านบน
–ด้านหลังเรียบ
พระกรุดงสะคูพิมพ์สามเหลี่ยมสมาธิ(ไม่มีรูปยังหาไม่พบ)
ลักษณะโดยทั่วไปองค์พระประทับนั่งแบบสมาธิ ในซุ้มสามเหลี่ยมมีเฉพาะเนื้อชินเงินเท่านั้น
เมืองโบราณบ้านดงสะคู
•ตามคำบอกเล่าของคุณตาบุญเพ็ง ต้นยางขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 50-70 เซนติเมตร สูงประมาณ 30 เมตรที่เห็นอยู่นั้นเป็นลูกของต้นยางเดิมซึ่งเมื่อก่อนนี้ต้นยางมีขนาด 7-8 คนโอบแต่โดนโค่นไปขายโดยนายทุนจากในเมืองและลูกต้นยางที่เกิดใหม่ก็มีการโค่นเหมือนกันซึ่งไม่ใช่ที่ดินของคุณตาบุญเพ็ง
•คุณตาบุญเพ็งเล่าว่าบริเวณนี้น่าจะเป็นเมืองโบราณเพราะตอนที่ทำการไถเพื่อปลูกมันสำปะหลังได้พบเศษไห เศษถ้วยชาม มีทั้งแบบดินเผา และแบบสังคโลก(กังไส) ลายเขียนสีน้ำเงิน แต่ไม่เจอแบบที่สมบูรณ์
•เมื่อหลายปีมาแล้วคุณตาและชาวบ้านที่มีไร่มันสำปะหลังบริเวณนั้นได้เจอเงินราง(เงินฮาง,เงินฮ้อย) เงินพดด้วง(เงินหมากค้อ) เงินที่มีลักษณะแปดเหลี่ยมมีลักษณะเหมือนเลขหนึ่งตรงกลาง กำไลแขนทองคำ แหวนทองคำ หอกและดาบโบราณ เครื่องชั่งน้ำหนักทอง นอกจากนั้นยังมีเครื่องใช้อื่นๆที่เป็นเนื้อเงิน เนื้อโลหะสำริด สมบูรณ์บ้างแตกหักบ้าง
•ปัจจุบันที่คุณตาไม่มีเก็บไว้เพราะได้ให้ลูกหลานไปหมดแล้ว โดยเฉพาะหลอดกลมยาวที่คุณตาเรียกว่าตะกรุดลักษณะกลมยาว มีรูตรงกลางบ้าง ม้วนหรือพับบ้าง มีทั้งเนื้อเงิน เนื้อสัมริด เนื้อตะกั่ว ซึ่งคุณตาเล่าว่าได้ให้ลูกชายที่เป็นทหารไปภาคใต้ โดนยิงจ่อๆออกแต่ไม่โดนจึงมีคนมาขอมากก็ให้ไปหมดและยังมีลูกประคำแบบดินเผาด้วย ซึ่งเมื่อก่อนคุณตาบุญเพ็งได้ขึ้นมาจากการขุดสระน้ำจำนวน 3 ไหเล็ก (ชาวบ้านเรียกว่าไหไพ ลักษณะปากกว้าง ก้นแคบ เนื้อสีน้ำตาลและแกร่ง กว้างประมาณ 20 เซนติเมตร สูงประมาณ 30 เซนติเมตร
•จากที่ได้ขออนุญาตคุณตาบุญเพ็งและคุณยายจอมศรี สมสวัสดิ์ สำรวจดูบริเวณเนินนั้นพบว่าเป็นลักษณะดังที่คุณตาได้เล่าให้ฟังแล้ว และยังได้พบเครื่องใช้ต่างๆตามภาพที่นำมาแสดง
–ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ
1.เงินราง(เงินฮาง) เงินพดด้วง(เงินหมากค้อ) เงินเกือกม้า (ล้านนา) ซึ่งน่าจะอยู่ในสมัยรัตนโกสินธิ์ตอนต้น
2.เครื่องสังคโลก(กังไส)ลายเขียนสีน้ำเงิน ลายดอก ลายมังกร เงินตราของจีน และเครื่องชั่งน้ำหนักทอง หยก อัญมณีอื่นๆซึ่งน่าจะอยู่ในสมัยราชวงศ์หมิง
3.ขวานหิน ใบมีดใบหอกหิน เครื่องใช้ดินเผา ลูกประคำดินเผา ตะกรุด กระพรวนโลหะสำริดซึ่งน่าจะอยู่ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์เช่นเดียวกับที่บ้านเชียง
(เพิ่มเติม)
เมื่อเดือนที่แล้วได้ทำงานออกสนามไปเก็บข้อมูลที่อำเภอศรีธาตุ จังหวัดอุดรธานี มีโอกาสแวะไปกราบพระธาตุที่วัดป่าแมว และได้สนทนากับท่านเจ้าอาวาส ท่านเล่าประวัติของวัดและเรื่องที่ท่านไปเอาไปเสมาสมัยทราวดีขึ้นมาจากไร่ของชาวบ้านมาเก็บไว้ที่วัด (ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นสถานโบราณกลางแจ้งไว้แล้ว มีของเก่าให้ศึกษามากมาย ถ้ามีโอกาสไปอีกจะเขียนเรื่องมาลงเพราะอาณาเขตนั้นมโหฬารมากจากที่ท่านเจ้าอาวาสเล่า รัศมีของใบเสมาหินนั้นประมาณสี่ตารางกิโลเมตร) ครับหลังจากนั้นผมได้เล่าเรื่องดงสะคูให้ท่านเจ้าอาวาสฟังท่านบอกว่า น่าจะเป็นที่ฝังศพหรือป่าช้าเพราะติดกับวัด ส่วนตัวเมืองโบราณจริงๆก็จะอยู่รอบๆบริเวณนั้น...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น